ข่าวสารและกิจกรรม

“กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ณ โรงเรียนโพธิสาร พิทยากร

เมื่อวันที่  17 กุมภาพันธ์ 2559 ท่านรองกฤษณ์  วัฒนาการ รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ เปิดประธานเปิดงาน กิจกรรม ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้โรงเรียนโพธิสารพิทยากร  โดยการจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ

1.       เพื่อขับเคลื่อนการนำหลักสูตรสถานศึกษา ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามหลักการของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช  2551

2.       เพื่อให้สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพมาตรฐานการเรียนรู้ มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ และได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพ ตามความสนใจและถนัดของนักเรียนแต่ละบุคคล

3.       เพื่อให้สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการเวลาเรียน และจัดกิจกรรม ลดเวลาเรียน  เพิ่มเวลารู้ได้อย่างเหมาะสม ทั้งด้านวิชาการ ด้านปฏิบัติ นักเรียนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพตามความสนใจและถนัดของแต่ละบุคคล

4.       เพื่อให้นักเรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ พัฒนาตนเองตามความสนใจและความถนัดอย่างเต็มตามศักยภาพ และมีความสุขกับการเรียนรู้

5.       เพื่อให้พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษามีความพึงพอใจในการจัดการศึกษาของโรงเรียนและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา

 

                โดยบริษัท Star software ได้ส่งทีมงาน  นำโดย

-              นายณัฐพล           รุ่งพิทักษ์ไพศาล                   Training Support   Manager

-              นางสาวกนกพร     บุราษี                                  Training Support

-              นายณัฐพงศ์         ชุ่มแสง                                Training Support

-              นายเทพประทาน   บุญพรม                               Training Support

-              นายมโน              ธราพร                                 Training Support

 เข้าร่วมการออกฐานกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น  จำนวนทั้งสิ้น 20 ฐาน เพื่อเตรียมนักเรียนให้พร้อมเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงระบบการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ในอนาคตอันใกล้นี้

การเริ่มต้นโครงการ ระบบสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งสามารถแยกย่อยออกเป็น  6 ระบบ ดังนี้

1)      ระบบจัดทำหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ

2)      ระบบจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียนรายบุคคล

3)      ระบบรายงานผลสัมฤทธิ์การเรียนการสอนรายคาบ

-        ระบบจัดทำแผนและติดตามโครงการเพื่อการประกันคุณภาพ

-        ระบบแฟ้มประวัติ/สะสมผลงานของนักเรียนและครู

-        ระบบจัดซื้อจัดจ้างและพัสดุครุภัณฑ์

1)      ระบบจัดทำหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ

ช่วยคุณครูในการออกแบบหลักสูตรแบบบูรณาการ เพื่อสนับสนุนให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่นักเรียนสามารถ สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองผ่านการแนะนำของคุณครู  เกิดทักษะชีวิตและอาชีพเท่าทันเทคโนโลยี ในขณะที่คุณครูสามารถประเมินพุทธิพิสัย จิตพิสัย ทักษะพิสัยได้อย่างครบถ้วน

2)      ระบบจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียนรายบุคคล

คุณครูสามารถวิเคราะห์ศักยภาพนักเรียนรายบุคคลตามมาตรฐานและตัวชี้วัดผ่านระบบการทดสอบที่คุณครูสามารถจัดการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งจัดเก็บ คลังข้อสอบ คลังบทเรียน  เพื่อให้เป็นคลังความรู้อันล้ำค่าของโรงเรียนสืบไป

3)      ระบบรายงานผลสัมฤทธิ์การเรียนการสอนรายคาบ

เพื่อให้คุณครูและผู้ปกครองสามารถตรวจสถานะและประวัติ การเข้าเรียนรายคาบตลอดจนพฤติกรรมของนักเรียนได้ นอกจากนี้ ระบบยังบันทึกประวัติการสอนของคุณครู เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการนิเทศการสอนได้ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนและผู้ปกครองในการป้องกันและแก้ไขอย่างทันท่วงที

                (3.1) ระบบจัดทำแผนและติดตามโครงการเพื่อการประกันคุณภาพ

                ผู้บริหารสามารถติดตามโครงการว่าได้ดำเนินการเป็นไปตามแผนงาน งบประมาณที่ได้กำหนดไว้หรือไม่ ตลอดจนสร้างระดับคุณภาพตามเกณฑ์การประกันคุณภาพภายในแต่ละด้านได้ตลอดเวลา และลดการใช้กระดาษ การจัดทำแผนสามารถทำได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

                (3.2)  ระบบจัดซื้อจัดจ้างและพัสดุครุภัณฑ์

                -  บันทึกรายชื่อพัสดุได้ไม่จำกัด

                - ระบุรายละเอียดในการขอซื้อ/ ขอจ้าง

                - บันทึกขออนุมัติซื้อพัสดุ/จ้าง รายการต่างๆได้ไม่จำกัด

                - สามารถพิมพ์บาร์โค้ดที่เป็นรหัสครุภัณฑ์ เพื่อนำไปติดกับตัวครุภัณฑ์ได้

                - คำนวณค่าเสื่อมราคาครุภัณฑ์ได้

               (3.3) ระบบแฟ้มประวัติ/สะสมผลงานของนักเรียนและครู

-  ระบบแฟ้มประวัติ/สะสมผลงานของนักเรียน

                มีระบบรวบรวมและจัดเก็บผลงานของนักเรียนอย่างเป็นระเบียบ เพื่อสะดวกรวดเร็วต่อการค้นหาและนำข้อมูลมาใช้ สามารถแสดงความก้าวหน้าและผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ในด้านต่างๆของผู้เรียนรายบุคคลได้

ระบบแฟ้มประวัติ/สะสมผลงานของครู

                เป็นแหล่งเก็บประวัติการศึกษา ประวัติการรับราชการ ประวัติการสัมมนา การอบรมหรือการศึกษาดูงาน ประวัติ การสอน สามารถสะสมผลงาน เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวนำมาเป็นเอกสารประกอบการประเมิน คุณลักษณะ หรือผลการปฏิบัติงาน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการสอนให้ สมบรูณ์ยิ่งขึ้นต่อไป

 

                การจัดกระบวนการเรียนรู้ จึงพยายามเปลี่ยนบทบาทครูจากผู้บรรยายมาเป็นคณะครูร่วมกันออกแบบกิจกรรมในการจัดกระบวนการเรียนรู้ (Pedagogy) ให้นักเรียนใช้เป็นเครื่องมือไปเรียนรู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก และเสนอแนะเครื่องมือการเข้าถึงองค์ความรู้ผ่านวิธีการต่างๆ โดยเฉพาะผ่าน Technology  ให้เข้าถึงความรู้ได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง นำความรู้ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนในห้องเรียน เรียกกระบวนการเรียนรู้แบบนี้ว่า Active Learning ที่ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-Centered)

                โดยระบบจัดการทดสอบออนไลน์เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพผู้เรียน ก็เพื่อให้โรงเรียนมีศูนย์กลางการจัดเก็บข้อสอบตามมาตรฐานตัวชี้วัด คุณครูสามารถนำข้อสอบที่มีอยู่เดิมในรูปแบบไฟล์ Microsoft Word  เข้าสู่ระบบได้โดยตรงผ่านระบบเครือข่ายเพื่อจัดชุดทดสอบออนไลน์ และสามารถสอบผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ท สมาร์ทโฟนอย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนทราบผลการสอบทันที และคุณครูได้รับรายงานต่างๆทันทีด้วยเช่นกัน

                 อีกทั้งโรงเรียนใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและใช้เทคโนโลยีได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ประหยัดค่าใช้จ่ายจากการเตรียมสอบทั้ง ค่ากระดาษ  ค่าพิมพ์ ค่าซอง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูง

ผู้บริหาร มีเครื่องมือในการส่งเสริม กำกับ ติดตาม การวัดและประเมินผลตามมาตรฐานตัวชี้วัดและเรียกดูรายงานต่างๆได้ทุกที่ทุกเวลา

                คุณครู สามารถลดเวลาในการทำข้อสอบและจัดชุดทดสอบ ไม่เสียเวลา เย็บ นับ จัด ส่งชุดข้อสอบ ไม่เสียเวลาตรวจข้อสอบ

                ระบบมีรายงานคะแนนและวิเคราะห์ค่าต่างๆเพื่อนำมาปรับกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับนักเรียนที่มีศักยภาพต่างกันได้อีกด้วย

                เนื่องด้วยในปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อและเทคโนโลยีมากมาย ผู้เรียนจึงต้องมีความสามารถในการแสดงทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและปฏิบัติงานได้หลากหลาย โดยอาศัย ความรู้ในหลายด้าน ความรู้ด้านสารสนสนเทศ ความรู้เกี่ยวกับสื่อ และความรู้ด้านเทคโนโลยี การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนำไปใช้จัดกระบวนการเรียนรู้ และช่วยการเรียนรู้ของนักเรียน เป็นการดำเนินการให้มีระบบ สื่อสารสนเทศ และเทคโนโลยีเข้าไปช่วยจัดการประสิทธิภาพทุกกระบวนการเรียนรู้

    โดยในการนี้ ทางบริษัท Star software หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ระบบการสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 ที่ได้มีการร่วมกิจกรรมการออกฐาน ณ โรงเรียนโพธิสารพิทยากร รวมถึงการพัฒนาครูในการสร้างเครือข่าย เพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จะสามารถขยายผลไปสู่โรงเรียนที่สนใจทั่วประเทศและเป็นก้าวแรกสู่การศึกษาในศตวรรษที่ 21  ต่อไป

 

 

 

อ่านต่อ...